รูปแบบการพัฒนาผู้นำองค์กรชุมชนเทศบาลเมืองมหาสารคามในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาผู้นำองค์กรชุมชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยการฝึกอบรมผู้นำองค์กรชุมชน เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความรู้ เจตคติและการปฏิบัติเกี่ยวกับภาวะผู้นำศิลปะการพูดเพื่อการสื่อสาร การพัฒนาทีมงาน และการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้นำองค์กรชุมชน จำนวน 44 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบวัดความรู้เกี่ยวกับการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแบบวัดเจตคติต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แบบวัดการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และแบบประเมินความสอดคล้องและความ สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ paired t – test

ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คือ การฝึกอบรมผู้นำองค์กรชุมชน โดยใช้ชุดความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำองค์กรชุมชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหา แนวคิด ทฤษฎีและเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำรวจความจำเป็นของการสร้างรูปแบบ ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนาชุดความรู้ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้ชุดความรู้ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผล ชุดความรู้นี้นี้สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาผู้นำองค์กรชุมชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม เนื้อหาของชุดความรู้ประกอบด้วยสาระ 4 หน่วยคือ 1) ความรู้และทักษะเกี่ยวกับภาวะผู้นำ 2) ความรู้และทักษะเกี่ยวกับศิลปะการพูดเพื่อการสื่อสาร 3) ความรู้และทักษะเกี่ยวกับการพัฒนาทีมงาน 4) ความรู้และทักษะเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งหลังการฝึกอบรมพบว่าผู้นำองค์กรชุมชนมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับภาวะผู้นำศิลปะการพูดเพื่อการสื่อสารการพัฒนาทีมงาน และการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อยู่ในระดับมาก โดยมีความรู้เจตคติและการปฏิบัติโดยรวมหลังการฝึกอบรมเพิ่มขึ้นจากก่อนฝึกอบรม (p–value < 0.05)